ไข่ไก่กับไข่เป็ดอะไรดีกว่ากัน

Last updated: 29 มี.ค. 2567  |  33887 จำนวนผู้เข้าชม  | 

ไข่ไก่กับไข่เป็ดลูกกินอะไรดี

ไข่ไก่ กับ ไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน ?

 

 

คุณพ่อคุณแม่หลายคนเคยสงสัยระหว่าง ไข่ไก่ กับ ไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน หรือไข่ชนิดไหน ที่ลูกกินแล้วจะได้ประโยชน์มากกว่ากัน

เราทุกคนรู้อยู่แล้วว่า “ไข่” เป็นอาหารที่มีประโยชน์ มีความ สำคัญมาก และผู้คนซึ่งเรียกได้ว่าทั่วโลกก็รับประทานกันแพร่หลาย ซึ่ง ไข่ สามารนำไปทำเป็นเมนูอาหารได้หลากหลาย แต่อย่างไรก็ตามจริงๆแล้วเรื่องราวของไข่เกี่ยวกับคุณประโยชน์จริงๆนั้น หลายคนยังรู้จักกันน้อยมาก แล้ว ไข่ไก่กับไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน 

 

 

ลูกควรกินไข่อะไร?


ไข่ไก่กับไข่เป็ดแตกต่างกันอย่างไร

ความจริงแล้ว ประโยชน์ของไข่ ส่วนหนึ่งมาจากโปรตีนจากไข่ขาว ซึ่งเป็นโปรตีนชั้นดี ที่ร่างกายสามารถนำไปใช้แทนเนื้อเยื่อที่เสื่อมสภาพของร่างกายได้ทั้งหมด นับว่าดีกว่าเนื้อสัตว์เสียอีก โดยทางการแพทย์บอกว่า  “ไข่ขาว” สามารถเปลี่ยนเป็นโปรตีนของร่างกายได้เต็ม  100%  และใน ไข่ 1 ฟอง ยังมีสารอาหารมากมายที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง ซึ่งเด็ก ๆ ควรได้รับประทานไข่ทุกวัน

ดังนั้นการให้อาหารเสริมแก่ทารก ควรเริ่มไข่แดง หลัง 6 เดือน เริ่มปริมาณน้อย แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณจนกินได้ไม่เกินวันละ 1 ฟอง โดยทำให้กินแบบไข่ต้มสุกแข็ง แล้วเอาเฉพาะไข่แดงมาให้ลูกกิน ถ้าแยกไข่แดงไข่ขาวตอนเป็นไข่ดิบ อาจมีไข่ขาวปนเปื้อน ทำให้มีโอกาสแพ้ได้

แนะนำให้กินไข่ขาวหลัง 1 ปี ในกรณีที่ลูกแพ้ไข่ เพื่อไม่ให้ขาดสารอาหาร ควรปรึกษาแพทย์ หรือ นักโภชนาการ รับคำแนะนำเรื่องการกินอาหารชนิดอื่นทดแทน เพื่อไม่ให้ขาดโปรตีน ธาตุเหล็ก แร่ธาตุ และ วิตามินที่จำเป็นต้องร่างกาย

ซึ่งไข่ที่ขายตามท้องตลาดทั่วไปก็มีหลายอย่างจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็น ไข่เป็ด ไข่ไก่  หรือไข่นกกระทา แล้วเราควรให้ลูกทานไข่อะไรนะ ถึงจะมีประโยชน์ต่อร่างกายมากที่สุด นักวิชาการสาธารณสุขด้านโภชนาการกรมอนามัย เคยได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับการบริโภคไข่ไว้ดังนี้

 

   การจะเปรียบเทียบสัดส่วนของสารอาหารในไข่แต่ละชนิดว่า  ไข่ไก่กับไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน  จะต้องทำในน้ำหนักของไข่ที่เท่ากัน เช่น ไข่เป็ด 1 ฟองมีน้ำหนัก 50 กรัม ดังนั้นหากจะเปรียบเทียบกับไข่ไก่ ก็ต้องเป็นไข่ไก่ ที่มีน้ำหนัก 50 กรัมด้วย ไม่ใช่การเปรียบเทียบเป็นจำนวนฟอง เพราะขนาดของไข่เป็ด ไข่ไก่  ไม่เท่ากัน ซึ่งในสัดส่วน ไข่เป็ด ไข่ไก่ ปริมาณ 100 กรัม สามารถสรุปสารอาหารออกมาได้ ดังนี้





เทียบสารอาหารระหว่าง ไข่ไก่ กับ ไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน

จะเห็นได้ว่าคุณค่าของไข่ไก่และไข่เป็ด มีส่วนแตกต่างกันบ้าง เช่น ไข่ไก่เหนือกว่าไข่เป็ด ในด้านโปรตีน แคลเซียม เหล็ก แต่ไข่เป็ดกลับเหนือว่าในด้านพลังงาน  ไขมัน คาร์โบไฮเดรต วิตามิน  B1  วิตามิน B2

 
 
ไข่ไก่กับไข่เป็ดแตกต่างกันอย่างไร

ซึ่งหากเรารับประทานไข่ไก่หรือไข่เป็ด 1 ฟอง คิดปริมาณน้ำหนัก  50  กรัม เมื่อเทียบความต้องการสารอาหารที่ควรได้รับสำหรับคนทั่วไป ใน  1  วัน ก็นับว่าเพียงพอแล้ว ส่วนสำหรับลูกน้อยที่อยู่ในวัยกำลังเจริญเติบโต ใน 1 วันควรรับประทานไข่เพียงวันละ 1 ฟอง ก็จะได้สารอาหารที่จำเป็นมากพอสมควรแล้ว
 
 
 
ความแตกต่าง ระหว่าง ไข่ไก่ กับ ไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน ในด้านอื่นๆ

และนอกจากสารอาหารที่เทียบกันให้ดูข้างต้นแล้วว่า ไข่ไก่กับไข่เป็ด อะไรดีกว่ากัน แม่น้องฮันน่าห์ก็ได้ชำแหละไข่ทั้งสองชนิดออกมาเทียบดูก็พบความแตกต่าง ระหว่าง ไข่ไก่ กับ ไข่เป็ด ได้อีกคือ ไม่เพียงต่างกันในที่มา หากแต่ ไข่ไก่ ไข่เป็ด ยังมีความแตกต่างในหลายจุดที่ชวนให้สังเกต โดยสิ่งที่เห็นได้ชัดก็คือ

“สีเปลือกไข่” ซึ่งทุกคนคุ้นตากันดีว่าไข่เป็ดมีเปลือกสีขาวหรือขาวอมชมพู ส่วนไข่ไก่มักจะมีเปลือกสีชมพูอมน้ำตาล สีน้ำตาลอมแดง สีน้ำตาลอมครีม ขึ้นอยู่กับพันธุ์ของไก่ แต่กระนั้นก็มีไก่บางพันธุ์ที่ให้ไข่มีเปลือกสีขาว อย่างเช่น ไก่ขนสีขาว
 
 
ในขณะที่ในด้านความสะอาดของเปลือกไข่นั้น

ไข่เป็ด ตามธรรมชาติจะดูมอมแมมกว่าไข่ไก่ตามธรรมชาติ เพราะพฤติกรรมการเลี้ยงเป็ดส่วนใหญ่ในบ้านเรานิยมเลี้ยงในเล้าที่มีพื้นเป็นดินหรือดินโรยแกลบ เป็ดจึงนิยมไข่เรี่ยราดทิ้งไว้ตามพื้นปะปนกับของเสียที่เป็ดขับถ่าย ทำให้ไข่เป็ดดูเปรอะเลอะมอมแมมอม เพราะฉะนั้นก่อนนำไปบริโภคจึงควรล้างทำความสะอาดก่อน

 

ส่วน ไข่ไก่ ตามธรรมชาติที่แม้เปลือกจะดูสะอาดตากว่า แต่ว่าที่ผิวของเปลือกไข่ก็มีแบคทีเรียซามอนเนล้าติดอยู่ดังนั้นก่อนบริโภคจึงควรล้างให้สะอาดเช่นเดียวกันกับไข่เป็ด เพราะถ้าแบคทีเรียตัวนี้ เข้าไปในร่างกายผ่านทางปากก็จะทำให้ เกิดอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน และปวดท้องได้
 
 
ความแตกต่าง ไข่เป็ด vs ไข่ไก่
 

อีกสิ่งหนึ่งที่แสดงถึงความแตกต่างระหว่างไข่ไก่กับไข่เป็ดก็คือ “ขนาดฟอง” ซึ่งเห็นได้ชัดว่าไข่เป็ดมีขนาดฟองใหญ่กว่าไข่ไก่ (แต่ไข่เป็ดที่ฟองเล็กกว่าไข่ไก่ก็มี) แต่ในด้านคุณค่าทางโภชนาการเนื่องจากไข่เป็ดมีขนาดใหญ่กว่าจึงมีคุณค่าทางอาหารมากกว่าไข่ไก่ แต่ว่าหากมองในเรื่องของตัวคอเลสเตอรอลในไข่แดง ไข่เป็ดก็จะมีมากกว่าไข่ไก่เช่นกัน

นอกจากนี้หากพิจารณาสีของไข่แดงทั้งของไข่ไก่และไข่เป็ดแล้วจะพบว่า…

การที่ไข่แดงของทั้งไข่เป็ดและไข่ไก่ให้สีแตกต่างกันเป็นแดงเข้มแดงอ่อนนั้น ก็เนื่องมาจากอาหารที่ใช้เลี้ยงเป็ดเลี้ยงไก่ ซึ่งแต่ละแห่งต่างก็มีส่วนประกอบไม่เหมือนกัน ซึ่งในอดีตไข่แดงของไข่ไก่และไข่เป็ดจะแดงเข้ม เพราะในอดีตเกษตรกรนิยมเลี้ยงด้วยอาหารธรรมชาติจำพวกเศษหอย ปู ปลา ที่นำมาจากทะเล ส่งผลให้ไข่แดงมีสีแดงเข้ม เนื่องจากในอาหารทะเลเหล่านั้นมีสารให้สีพวกแคโรทีนอยด์ (caroteniod) อยู่มาก แต่ในปัจจุบัน เศษหอย ปู ปลา หายากขึ้นเพราะมีปริมาณน้อยลงและมีราคาแพงขึ้น จึงทำให้ไข่แดงตามธรรมชาติลดความเข้มของสีลงไป

อย่างไรก็ดี ปัจจุบันได้มีฟาร์มผลิตไข่ไก่ไข่เป็ดหลายแห่งใช้วิธีเติมสีให้กับไข่แดง ด้วยวิธีการซื้อสารแคโรทีนอยด์มาจากต่างประเทศ แล้วใช้ผสมลงในอาหารที่ให้เป็ดและไก่กินโดยตรง เพื่อให้ไข่แดงมีสีแดงเข้มขึ้น เพราะยิ่งสีไข่แดงเข้มก็จะยิ่งเป็นที่ต้องการของตลาด

นอกจากนี้ ยังมีความพยายามในการศึกษาหาแหล่งของสารให้สีที่มีอยู่ในบ้านเรา เพื่อนำมาใช้ทดแทนสีจากสารแคโรทีนอยด์ อาทิ เซลล์ของโฟโตแบคทีเรีย, เซลล์พวกสาหร่ายบางชนิด เช่น สาหร่ายเกลียวทองที่มีสารแคโรทีนอยด์สูง รวมถึงจากดอกดาวเรืองที่มีทั่วไปในบ้านเราแต่ว่าต้นทุนในการผลิตยังสูงอยู่
 
 
 
 
ไข่เป็ด – ไข่ไก่ ฟองไหนอร่อยกว่ากัน?
 

แต่หากพูดถึงความอร่อยของไข่เป็ดและไข่ไก่นั้น ไม่มีดัชนีชี้ตายตัว ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนตัวและรสนิยมการบริโภคชนิดที่สามารถลอกเลียนแบบกันได้ 

โดยไข่ไก่เหมาะสำหรับการทำไข่ต้ม/ไข่ดาว/ไข่เจียว/ไข่หวาน และไข่ลวก แต่ถ้าไปทำไข่พะโล้จะไม่อร่อยเพราะไข่ขาวนุ่มเกินไป 

ส่วนไข่เป็ดเหมาะต่อการทำเป็น ไข่ต้ม/ไข่พะโล้/ไข่เค็ม แต่ถ้าใครนำไข่เป็ดไป
ทำไข่ลวก บางทีคนกินอาจมีการ “อ้วก” กันได้ง่ายๆ เพราะกลิ่นคาวของไข่เป็ดนั้นแรง
 
 
การรับประทานอาหารเพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรงจึงควรปฏิบัติตามโภชนบัญญัติ โดยเฉพาะในเรื่องการรับประทานอาหาร ให้ครบ 5 หมู่ และหลากหลาย ซึ่งก็คือในแต่ละหมู่ของอาหารจะมีอาหารหลากชนิดก็ควรรับประทานอาหารหลายชนิดสลับกันไปไม่ซ้ำซากเพื่อที่จะทำให้ได้สารอาหารครบถ้วน และหากอาหารนั้นๆ มีการปนเปื้อน ก็จะได้ไม่เกิดการสะสมจนเกิดอันตรายเพราะร่างกายกำจัดได้ทัน



 

ขอบคุณแหล่งอ้างอิงข้อมูลจาก : www.scimath.org, mgronline.com

Powered by MakeWebEasy.com
เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว  และ  นโยบายคุกกี้